ปลาทอง สัตว์เลี้ยงที่วันนี้จะพูดถึงไม่ใช่แค่เฉพาะความสวยงามเท่านั้น ที่เราทุกคนต่างต้องยอมยกนิ้วให้เรื่องสีสันของตัวปลาว่าไม่เป็นรองสัตว์เลี้ยงในชนิดอื่นๆ และก็เป็นที่นิยมสำหรับสายเลี้ยงปลาสวยงามไม่แพ้ปลากัดทีเดียว ซึ่งก่อนที่จะมีการปรับปรุงสายพันธุ์ และสีสันตัวปลา ต้นกำเนิดของปลาทองที่เริ่มต้นมีเลี้ยงกันอย่างมากคือที่ ประเทศจีน
หลังจากนั้นที่เราได้เห็นสีสันของปลาทองมากมายไม่ว่าจะเป็น สีแดง ส้ม ดำ ขาว เทา ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาสายพันธุ์จากสายพันธุ์ดั้งเดิมของทางญี่ปุ่น จนมาถึงในวันนี้ที่ไม่เพียงแต่มีการปรับปรุงสายพันธุ์ที่ดีกว่าเดิมในเรื่องสีสันเท่านั้น แต่รวมไปถึงขนาดของตัวปลา และวุ้นที่หัวปลาเพิ่มมากขึ้น เป็นที่มาของราคาของปลาทองที่ปรับขึ้นจากสิ่งเหล่านี้ที่แตกต่างจากปลาทองในอดีต
ผู้เลี้ยง ปลาทอง พลาดไม่ได้ที่จะต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง
อย่างที่บอกๆ กันแล้วว่า สัญลักษณ์เด่นของปลาทองเลยคือ เรื่องความสวยงามเกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสีสันบนลำตัว ขนาดน้ำหนักที่ต้องได้มาตรฐาน หัวที่มีลักษณะวุ้นเป็นตามที่กำหนดไว้ และหาง ซึ่งอย่างที่บอกแล้วว่า สีสันที่ได้รับการพัฒนาจากตั้งแต่ญี่ปุ่นได้มีการเริ่มการปรับปรุงสายพันธุ์ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วนั้น ในเรื่องของหางก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้สีสันทีเดียว หากเราสังเกตดูว่าหางปลาทองจะมีทั้ง 3 แฉก ซึ่งเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า “วากิ้น” และต่อมาก็ปรับปรุงสายพันธุ์เป็น 4 แฉก หรือเรียกว่า “จิกิ้น” รวมถึงเซียนเลี้ยงปลาทองต้องรู้จักกับพันธุ์หัวสิงห์ที่เป็นวุ้น หรือที่รู้จักในสายพันธุ์ “เดเมกิ้น”
ในส่วนที่ผู้เลี้ยงปลาทองมีความเชื่อเรื่องความหมายของปลาทองนั้น ไม่ต่างไปจากปลาสายพันธุ์ญี่ปุ่น “ปลาคาร์ป” ที่เชื่อในนำมาในเรื่องของเงินทอง โชคลาภ และการกินดีอยู่ดีอย่างสมบูรณ์ และเน้นที่จำนวนตัวที่ 8 หรือ 9 ตัวเป็นหลัก
วิธีเลี้ยงปลาทองยังไงให้มีอายุยืน และสุขภาพดี
เมื่อเราซื้อปลาทองมาแล้วนั้น คงไม่ได้จบที่การเอาปลาทองไว้ที่ตู้ปลา หรืออ่างเล็กๆ เท่านั้นเอง แต่สำคัญมากกว่านั้นคือ การที่เราต้องเลี้ยงปลาทองให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เพราะนั่นจะหมายถึงการนำพามาซึ่งสุขภาพที่ดีของปลาที่เราเลี้ยงร่วมด้วย ส่วนหลักๆ ที่ไม่ควรมองข้ามไปเลยทีเดียวคือ เรื่องความสะอาดของตัวน้ำ ควรมีการเปลี่ยนน้ำเมื่อเห็นมีสิ่งปฏิกูล หรือกลิ่นคาวตู้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่จะทำให้ปลาที่เราเลี้ยงตายเร็วขึ้น
นอกนั้น ก็อาจจะเป็นตัวคลอรีนที่มีอยู่ในตัวน้ำ เมื่อต้องใช้น้ำก๊อก ควรมีการทิ้งให้คลอรีนหายไปอย่างน้อยๆ 3 วัน มากกว่านั้นคือ การใส่เครื่องทำออกซิเจน หรือเครื่องปั๊มลมสำหรับการเลี้ยงปลาทองหลายตัวในตู้ปลานั้น ส่วนประกอบอื่นๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องของการให้อาหารแต่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไปกับจำนวนปริมาณตัวปลาในตู้ และควรใส่ยาที่ปรับสภาพน้ำ รวมถึงการให้อาหารที่หลากหลาย ทั้งอาหารปลาเม็ด และตัวไรสด ทั้งหมดนั้นเป็นการสรุปมาโดยย่อๆ สำหรับสิ่งสำคัญที่หากเราต้องการมีปลาทองมาเลี้ยงเป็นเพื่อนคู่ใจที่น่ารัก และสวยงามกับเราไปได้นาน อย่าลืมติดตามในวันต่อๆ ไปสำหรับบทความที่เป็นประโยชน์สำหรับสัตว์เลี้ยง และนำไปปรับใช้ได้จริง
แหล่งที่มาของภาพ
https://www.smithsonianmag.com/
บทความที่อาจสนใจ ปลาต้มเค็ม อาหารพื้นถิ่นย่านริมทะเลตะวันออก